“เทียนพรรษา”
ใกล้เข้าพรรษา เริ่มจะมีกิจกรรมบุญพิเศษ คือถวาย “เทียนพรรษา”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เทียนพรรษา เป็นมาอย่างไร
พระสงฆ์ที่อยู่ตามวัดต่างๆ มีกิจวัตรสำคัญอยู่อย่างหนึ่งคือไหว้พระสวดมนต์ หรือที่เรียกกันว่า “ทำวัตรสวดมนต์” ปกติจะทำวันละ ๒ เวลา คือเช้ากับเย็น ดังเป็นที่รู้กันในนามว่า ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น
เครื่องสักการะที่ใช้ในการทำวัตรสวดมนต์ก็คือ ธูป และ เทียน ซึ่งมักมีประจำอยู่แล้ว ส่วน ดอกไม้ นั้นย่อมเป็นไปตามโอกาสที่ญาติโยมจะถวายมา วันไหนไม่มีดอกไม้ก็จุดแต่ธูปกับเทียน
เครื่องสักการะที่ใช้ในการทำวัตรสวดมนต์ก็คือ ธูป และ เทียน ซึ่งมักมีประจำอยู่แล้ว ส่วน ดอกไม้ นั้นย่อมเป็นไปตามโอกาสที่ญาติโยมจะถวายมา วันไหนไม่มีดอกไม้ก็จุดแต่ธูปกับเทียน
เครื่องสักการะเช่นนี้ ชวนให้นึกถึงอารัมภกถา หรือบทนำก่อนทำวัตรตอนหนึ่งที่ว่า อิเม สักกาเร ทุคคะตะปัณณาการะภูเต ปะฏิคคัณหาตุ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงรับเครื่องสักการะเหล่านี้อันเป็นบรรณาการของคนยาก หมายความว่า ดอกไม้ธูปเทียนนั้นเป็นของตามแต่จะได้มา ได้มาอย่างไรหรือมีอย่างไร ก็ใช้อย่างนั้น ไม่มีก็ไม่ใช้ จึงอยู่ในลักษณะเป็น “บรรณาการของคนยาก”
ช่วงเข้าพรรษา เป็นระยะที่มีพระภิกษุสามเณรอยู่พร้อมกันมากกว่าเวลาอื่น ถือเป็นโอกาสที่จะเร่งพากเพียรปฏิบัติขัดเกลาให้มากขึ้นเป็นพิเศษ จึงเป็นธรรมเนียมที่วัดต่างๆ จะทำวัตรสวดมนต์เพิ่มขึ้นอีกเวลาหนึ่ง นิยมทำตั้งแต่เวลาตีสี่ จนมีคำพูดติดปากว่า “ตีสี่เคาะระฆัง” การทำวัตรสวดมนต์ตอนตีสี่นี้ต้องใช้ประทีปทั้งในฐานะเป็นเครื่องสักการบูชา และเพื่อแสงสว่าง ความจำเป็นที่จะต้องใช้ประทีปจึงมีเพิ่มขึ้น ญาติโยมพุทธบริษัทเล็งเห็นประโยชน์ข้อนี้จึงคิดทำประทีปถวายเพื่อใช้ในระหว่างพรรษา
ตกมาถึงตอนนี้ ลักษณะของประทีปที่นิยมทำกันมากจนลงตัวแล้วก็คือ เทียน เนื่องจากผลิตง่าย ใช้สะดวก (คำว่า “ดอกไม้ธูปเทียน” ก็คงพูดกันติดปากมาตั้งแต่นั้น)
เทียนที่ทำถวายเพื่อใช้ในระหว่างพรรษา จึงเรียกกันสั้นๆ ว่า “เทียนพรรษา” จนกระทั่งเกิดเป็นประเพณีหล่อเทียนพรรษา แห่เทียนพรรษา ถวายเทียนพรรษาอยู่ในปัจจุบันนี้
ตกมาถึงตอนนี้ ลักษณะของประทีปที่นิยมทำกันมากจนลงตัวแล้วก็คือ เทียน เนื่องจากผลิตง่าย ใช้สะดวก (คำว่า “ดอกไม้ธูปเทียน” ก็คงพูดกันติดปากมาตั้งแต่นั้น)
เทียนที่ทำถวายเพื่อใช้ในระหว่างพรรษา จึงเรียกกันสั้นๆ ว่า “เทียนพรรษา” จนกระทั่งเกิดเป็นประเพณีหล่อเทียนพรรษา แห่เทียนพรรษา ถวายเทียนพรรษาอยู่ในปัจจุบันนี้
“เทียนพรรษา”
แต่เดิม “เทียนพรรษา” ซึ่งตัดมาจากคำว่า “เทียนที่ทำถวายเพื่อให้พระสงฆ์จุดใช้ทำกิจวัตรในระหว่างพรรษา”
แต่ปัจจุบันมีการเอาคำว่า “จำนำ” มาแทรกเพิ่มเข้าด้วยเหตุไร ก็ยังไม่พบคำอธิบาย
สันนิษฐานว่าคงเรียกด้วยความไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิด คือไปคิดเทียบกับ “ผ้าจำนำพรรษา” ซึ่งนิยมถวายในวาระเข้าพรรษาเหมือนกัน เมื่อเรียก “ผ้าจำนำพรรษา” ได้ ก็เลยเรียก “เทียนจำนำพรรษา” ไปด้วย เข้าชุดกันพอดี
แต่ปัจจุบันมีการเอาคำว่า “จำนำ” มาแทรกเพิ่มเข้าด้วยเหตุไร ก็ยังไม่พบคำอธิบาย
สันนิษฐานว่าคงเรียกด้วยความไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิด คือไปคิดเทียบกับ “ผ้าจำนำพรรษา” ซึ่งนิยมถวายในวาระเข้าพรรษาเหมือนกัน เมื่อเรียก “ผ้าจำนำพรรษา” ได้ ก็เลยเรียก “เทียนจำนำพรรษา” ไปด้วย เข้าชุดกันพอดี
เรื่องก็คือ วันเข้าพรรษาหรือก่อนวันเข้าพรรษา เราจะมีประเพณีถวาย ผ้าอาบน้ำฝน เป็นผ้าสำหรับพระสงฆ์นุ่งสรงน้ำ ประโยชน์ใช้สอยอื่นๆ ก็คล้ายกับผ้าขาวม้าของชาวบ้านนั่นเอง มักเรียกสั้นๆ ว่า “ผ้าอาบ”
แต่เรื่อง “ผ้าจำนำพรรษา” ก็ยังมีข้อผิดติดอยู่ สมควรทำความเข้าใจให้ถูกต้อง
๑. ผ้าจำนำพรรษา คือผ้าที่ถวายแก่พระสงฆ์ผู้อยู่จำพรรษาครบแล้วในวัดนั้น ถ้าเป็นวัดที่ไม่ได้รับกฐิน ก็ถวายตั้งแต่แรมค่ำหนึ่งเดือน ๑๑ ถึงเพ็ญเดือนสิบสอง (คือเดือนเดียว), ถ้าได้รับกฐิน ก็ถวายตั้งแต่แรมค่ำหนึ่งเดือน ๑๑ ไปจนหมดฤดูหนาวคือถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๔ (รวม ๕ เดือน) เรียกเป็นคำศัพท์ว่า วัสสาวาสิกสาฏิกา หรือ วัสสาวาสิกสาฎก
๑. ผ้าจำนำพรรษา คือผ้าที่ถวายแก่พระสงฆ์ผู้อยู่จำพรรษาครบแล้วในวัดนั้น ถ้าเป็นวัดที่ไม่ได้รับกฐิน ก็ถวายตั้งแต่แรมค่ำหนึ่งเดือน ๑๑ ถึงเพ็ญเดือนสิบสอง (คือเดือนเดียว), ถ้าได้รับกฐิน ก็ถวายตั้งแต่แรมค่ำหนึ่งเดือน ๑๑ ไปจนหมดฤดูหนาวคือถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๔ (รวม ๕ เดือน) เรียกเป็นคำศัพท์ว่า วัสสาวาสิกสาฏิกา หรือ วัสสาวาสิกสาฎก
ผ้าชนิดนี้เป็นผ้าที่ถวายหลังจากออกพรรษาแล้ว แต่ไม่ใช่ผ้ากฐิน เป็นผ้าที่ถวายเป็นส่วนตัวแก่ภิกษุแต่ละรูปเพื่อผลัดเปลี่ยนจีวรชุดเก่าที่ใช้มาตลอดพรรษา มีประโยชน์ใช้สอยเหมือนผ้ากฐินนั่นเอง แต่คนส่วนมากไม่รู้จักและไม่ค่อยได้นึกถึง เพราะมัวไปมุ่งถวายผ้ากฐิน (สำหรับภิกษุรูปเดียว) เสียหมด ลืมนึกถึงภิกษุรูปอื่นๆ ที่ไม่ใช่องค์ครองกฐินไปเสีย
ปัญหาเกิดขึ้นตรงที่ว่า ผ้าจำนำพรรษา เรียกเป็นคำศัพท์ว่า ผ้า "วัสสาวาสิกสาฏิกา" หรือ "วัสสาวาสิกสาฎก" รูปคำและเสียงคล้ายกับผ้าอาบน้ำฝน ที่เรียกเป็นคำศัพท์ว่า "วัสสิกสาฏิกา" หรือ "วัสสิกสาฎก" จึงทำให้คนเข้าใจไปว่าผ้าอาบน้ำฝนกับผ้าจำนำพรรษาเป็นผ้าชนิดเดียวกัน มักได้ยินเรียกย้ำผิดๆ อยู่เสมอ เช่นพูดว่า “วันนี้เป็นวันถวายผ้าจำนำพรรษาหรือที่เรารู้จักกันว่าผ้าอาบน้ำฝน”
จำไว้สั้นๆ กันเข้าใจผิด ว่า
ผ้าที่ถวายก่อนเข้าพรรษา เรียก “ผ้าอาบน้ำฝน”
ผ้าที่ถวายหลังจากออกพรรษา เรียก “ผ้าจำนำพรรษา”
ผ้าที่ถวายก่อนเข้าพรรษา เรียก “ผ้าอาบน้ำฝน”
ผ้าที่ถวายหลังจากออกพรรษา เรียก “ผ้าจำนำพรรษา”
ผ้าอาบน้ำฝนไม่ใช่ผ้าจำนำพรรษา
ผ้าจำนำพรรษาก็ไม่ใช่ผ้าอาบน้ำฝน
ผ้าจำนำพรรษาก็ไม่ใช่ผ้าอาบน้ำฝน
คำว่า “จำนำ” ทำให้มีเรื่องขำๆ ต่อไปอีก
สมัยที่ผมเป็นเด็กวัด ได้เห็นญาติโยมที่ถวายผ้าอาบน้ำฝนที่เข้าใจว่าเป็น “ผ้าจำนำพรรษา” ให้แก่พระรูปใดแล้ว พอออกพรรษาก็จะเอาจตุปัจจัย (เงิน) มาถวายพระรูปนั้นโดยมีเจตนาว่าเป็นค่าไถ่ถอนผ้าที่เอามา “จำนำ” ไว้
มองในแง่ความเข้าใจ ก็คือ
๑ คนส่วนมากเข้าใจไปว่า “ผ้าอาบน้ำฝน” เป็น “ผ้าจำนำพรรษา”
๒ ซ้ำเข้าใจลึกลงไปอีกว่า การเอา “ผ้าจำนำพรรษา” ไปถวายพระ ก็เท่ากับเอาของไป “จำนำ” ไว้
๓ ดังนั้น เมื่อครบกำหนด “พรรษา” แล้ว จึงมีภาระที่จะต้องไปไถ่ถอนคืนด้วยการเอาจตุปัจจัยไปถวายพระที่รับ “ผ้าจำนำพรรษา” นั้นไว้
แต่มองในแง่ดี ก็ดี คือญาติโยมจะเข้าใจผิดถูกอย่างไรก็ตามทีเถิด ก็ยังถือเป็นโอกาสที่จะได้บำเพ็ญบุญเพิ่มขึ้น นับว่าดีอยู่นั่นเอง
แต่ถ้าเข้าใจให้ถูกต้องด้วยก็จะยิ่งเป็นกุศลเพิ่มขึ้น และเป็นดีบริสุทธิ์
สมัยที่ผมเป็นเด็กวัด ได้เห็นญาติโยมที่ถวายผ้าอาบน้ำฝนที่เข้าใจว่าเป็น “ผ้าจำนำพรรษา” ให้แก่พระรูปใดแล้ว พอออกพรรษาก็จะเอาจตุปัจจัย (เงิน) มาถวายพระรูปนั้นโดยมีเจตนาว่าเป็นค่าไถ่ถอนผ้าที่เอามา “จำนำ” ไว้
มองในแง่ความเข้าใจ ก็คือ
๑ คนส่วนมากเข้าใจไปว่า “ผ้าอาบน้ำฝน” เป็น “ผ้าจำนำพรรษา”
๒ ซ้ำเข้าใจลึกลงไปอีกว่า การเอา “ผ้าจำนำพรรษา” ไปถวายพระ ก็เท่ากับเอาของไป “จำนำ” ไว้
๓ ดังนั้น เมื่อครบกำหนด “พรรษา” แล้ว จึงมีภาระที่จะต้องไปไถ่ถอนคืนด้วยการเอาจตุปัจจัยไปถวายพระที่รับ “ผ้าจำนำพรรษา” นั้นไว้
แต่มองในแง่ดี ก็ดี คือญาติโยมจะเข้าใจผิดถูกอย่างไรก็ตามทีเถิด ก็ยังถือเป็นโอกาสที่จะได้บำเพ็ญบุญเพิ่มขึ้น นับว่าดีอยู่นั่นเอง
แต่ถ้าเข้าใจให้ถูกต้องด้วยก็จะยิ่งเป็นกุศลเพิ่มขึ้น และเป็นดีบริสุทธิ์
ความจริง คำว่า “จำนำ” แผลงมาจาก “จำ”
“จำนำพรรษา” ก็คือ “จำพรรษา” นั่นเอง
ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับจำนำจำนอง คือที่เอาของไปจำนำแต่ประการใดเลย
“ผ้าจำนำพรรษา” ก็คือคำที่พูดลัดตัดสั้นมาจากคำว่า “ผ้าที่ถวายแก่พระสงฆ์ผู้อยู่จำพรรษาครบแล้ว”
“จำนำพรรษา” ก็คือ “จำพรรษา” นั่นเอง
ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับจำนำจำนอง คือที่เอาของไปจำนำแต่ประการใดเลย
“ผ้าจำนำพรรษา” ก็คือคำที่พูดลัดตัดสั้นมาจากคำว่า “ผ้าที่ถวายแก่พระสงฆ์ผู้อยู่จำพรรษาครบแล้ว”
พระที่จำพรรษา (“จำนำพรรษา”) แล้ว จำเป็นต้องผลัดเปลี่ยนจีวรชุดเก่าที่ใช้มาเป็นเวลา ๓ เดือนแล้ว การเรียกผ้าที่ถวายแก่ท่านว่า “ผ้าจำนำพรรษา” (โปรดอย่าลืมว่าไม่ใช่ “ผ้าอาบน้ำฝน”) จึงเป็นการถูกต้องสมเหตุสมผล
แต่ “เทียนพรรษา” คือ “เทียนที่ถวายเพื่อให้พระสงฆ์จุดใช้ทำกิจวัตรในระหว่างพรรษา”
ถ้าไปเรียกว่า “เทียนจำนำพรรษา” จะให้หมายความว่า “เทียนที่ถวายให้พระสงฆ์ผู้อยู่จำพรรษาครบแล้ว”
ถ้าไปเรียกว่า “เทียนจำนำพรรษา” จะให้หมายความว่า “เทียนที่ถวายให้พระสงฆ์ผู้อยู่จำพรรษาครบแล้ว”
จะเห็นได้ว่า
เวลานี้ แม้แต่คำว่า “จำนำ” ในคำว่า “จำนำพรรษา” นั่นเอง ก็มีปัญหาน่าสงสัยว่า คนส่วนใหญ่จะเข้าใจกันไปว่ามีความหมายอย่างเดียวกับคำว่า “จำนำ” ที่หมายถึงเอาของไปวางแล้วเอาสตางค์เขามาใช้ ตามที่มักจะเข้าใจและรู้สึกกันว่าเป็นเช่นนั้น แทนที่จะเข้าใจว่า จำนำพรรษา คือ จำพรรษา
บริษัท มาการ จำกัด
88/8 หมู่4 ซอยแผ่นดินทอง ตำบลบางน้ำจืด, สมุทรสาคร 74000
Email:makarn.social@gmail.com
090-5588-566
090-5569-200
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น