วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

พิธีการลอยอังคาร และวิธีการเก็บรักษาอัฐิ

การเก็บอัฐิ


            เมื่อการฌาปนกิจเสร็จแล้ว  การเก็บอัฐิ  ส่วนใหญ่เก็บในตอนเย็นของวันเผาเลย  ทั้งนี้ เพื่อ
จะทำบุญอัฐิให้เสร็จในคราวเดียวกัน  โดยเก็บอัฐิในเวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น. แล้วนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลเช่นเดียวกับพิธีก่อนเผาในคืนวันนั้น เวลาประมาณ  ๒๐.๐๐ น. นิมนต์พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์  รุ่งขึ้นถวายภัตตาหารเช้า  แล้วนำอัฐิไปบรรจุหรือนำอัฐิไปบรรจุหรือนำกลับไปไว้ที่บ้าน ก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีฯแต่บางส่วนจะเก็บอัฐิในวันรุ่งขึ้นเช่นเดียวกับพิธีทางราชการ           สำหรับชนบทบางท้องที่ นิยมเก็บในวันที่ ๗ จากวันเผา แล้วนำไปบำเพ็ญกุศลดังกล่าวมา           การเดินสามหาบ  ก็คือพิธีเก็บอัฐินั่นเอง  แต่เป็นพิธีเก็บอัฐิแบบเต็มหรือแบบพิเศษซึ่งก็มีอยู่หลายแบบ  ที่จะกล่าวต่อไปนี้คือ           รุ่งขึ้นเช้า  เจ้าภาพไปเก็บอัฐิ  เตรียมเครื่องบูชาและเครื่องสามหาบไปด้วย  คือเครื่อง-ทองน้อย (ธูป ๑ เทียน ๑ ใส่เชิงเทียนเล็ก และดอกไม้ทำเป็น ๓ พุ่ม) ๑ ที่, สุหร่าย (ขวดโปรยน้ำ) ใส่น้ำอบไทย ๑ ขวด  พานใส่เงิน (เศษสตางค์) ๑ พาน  และโกศหรือผ้าขาวที่จะใส่อัฐิ  ของเหล่านี้ วางไว้ตรงข้างศีรษะอัฐิ           เมื่อพร้อมกันแล้ว  ก็ตั้งต้นเดินสามหาบ  คือ มีของไปถวายและเลี้ยงพระสงฆ์  ๑  ชุดชุดที่หนึ่งมีไตรครอง  เป็นประเภทเครื่องนุ่งห่ม ชุดที่สองมีสำรับคาว ๑ หวาน ๑ (เป็นเครื่องกิน) ชุดที่สามมีหม้อข้าว  เตาไฟ และเครื่องใช้           หรือจะจัดสามหาบอีกแบบหนึ่งก็ได้  คือจัดให้มีหม้อข้าว เชิงกราน พริก หอม กระเทียมฯลฯ อยู่ในสาแหรกข้างหนึ่งมีของคาวและของหวาน และจัดให้เหมือนกันอย่างนี้สามหาบ  จัดให้บุตรและหลาน หรือเครือญาติ ๓ คน  เป็นผู้หาบคนละหาบ            หรือสามหาบอีกแบบหนึ่ง จัดคนขึ้น ๙ คน แบ่งเข้าชุดละ ๓ คน  รวม ๓ ชุด ชุดหนึ่ง ๆมีดังนี้  คือ ถือไตร ๑ คน, ถือจาน  ช้อนส้อม และแก้วน้ำ ๑ คน, หาบสำรับคาวและหวาน ๑ คน  เดินเวียนเมรุคนละหรือชุดละ ๓ รอบ  เวลาเดินให้ใช้เสียงกู่กันตามวิธีชาวป่า  เรียกกันว่า  วู้ ๆ ๆ ” คนละ ๓ ครั้งแล้วจึงนำเครื่องสามหาบขึ้นตั้งยังอาสน์สงฆ์            เมื่อเดินสามหาบแล้ว  ก็ขึ้นไปเก็บอัฐิ  จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย  แล้ววางไตร ๓ ไตรบนผ้าคลุมอัฐินั้น  นิมนต์พระสงฆ์ขึ้นไปชักผ้าบังสุกุลนั้น  จากนั้นจึงเปิดผ้าคลุมออก  พรมน้ำอบและเก็บอัฐิใส่ที่ที่เตรียมไว้  แล้ววางอัฐิเก็บแล้วบนพาน  ส่วนเถ้าถ่านคืออังคาร ให้รวบรวมใส่ผ้าขาวที่รองนั้นรวบชายขึ้น  แล้วห่อใส่ในที่ใส่อังคารที่เตรียมไป  แล้วเชิญอัฐิและอังคารกลับลงมาตั้งยังที่ทำบุญ  เลี้ยงพระสามหาบ  และบังสุกุลแล้ว  ก็เป็นอันเสร็จงานฯ หรือถ้าไม่มี ๓ หาบ  ก็เก็บอัฐิและอังคารแล้วบังสุกุล  ณ  ที่นั่นเป็นอันเสร็จพิธีฯ ตอนที่ลงจากเมรุแล้ว  เมื่อกลับไปขึ้นบันไดที่บ้าน  เจ้าภาพโปรยเศษสตางค์เป็นการให้ทานด้วย
          ประเพณีเกี่ยวกับการเก็บอัฐิมีอยู่ว่า  เมื่อถึงเวลาเก็บอัฐิ  จะเป็นในวันเผาหรือในวันรุ่งขึ้น หรือ ๓ วัน ๗ วัน หลังจากเผาเสร็จก็ตาม  ครั้งแรกให้ทำกองกระดูกให้เป็นรูปคนนอนหงาย  หันศีรษะไปทางทิศตะวันตก สมมติว่าตาย  แล้วนิมนต์พระสงฆ์มาพิจารณาบังสุกุล  ตอนนี้เรียกว่า  บังสุกุลตาย
ผ้าทอดก็ได้  หรือไม่มีก็ได้  พระสงฆ์จะพิจารณาว่า  อะนิจจา  วะตะ  สังขารา  อุปปาทะวะยะธัมมิโนอุปปัชชิตตะวา  นิรุชฌันติ  เตสัง  วูปะสะโม  สุโข ” เมื่อพระสงฆ์พิจารณาบังสุกุลจนจบแล้ว  ก็ให้แปรรูปอัฐินั้นใหม่  เป็นรูปคนหันศีรษะไปทางทิศตะวันออก  สมมติว่าเกิด  จากนั้น เจ้าภาพก็ใช้น้ำหอมประพรมและโปรยด้วยดอกไม้และเงินทอง นิมนต์พระสงฆ์พิจารณาบังสุกุลอีกครั้งหนึ่ง  คราวนี้เรียกว่า บังสุกุลเป็น” พระสงฆ์  จะพิจารณาบังสุกุลว่า  อะจิรัง วะตะยัง กาโย  ปะฐะวิง  อะธิเสสสะติ ฉุฑโฑอะเปตะวิญญาโณ  นิรัตถังวะ  กะลิงคะรัง ” แล้วทำการเก็บอัฐิ         เมื่อเก็บอัฐิตามต้องการแล้ว  อัฐิที่เหลือ รวมทั้งเถ้าถ่านให้รวบรวมไปบรรจุ  ลอยแม่น้ำ

บริษัท มาการ จำกัด
88/8 หมู่4 ซอยแผ่นดินทอง ตำบลบางน้ำจืด, สมุทรสาคร 74000
Email:makarn.social@gmail.com
090-5588-566
090-5569-200

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น